ท่องป่า
ของทวีปแอฟริกา
อุทยานแห่งชาติกอมเบเป็นถิ่นอาศัยของประชากรชิมแปนซีที่อยู่ตามธรรมชาติในป่าซึ่งได้รับการจดบันทึกดีที่สุด เป็นเวลากว่า 50 ปีมาแล้ว ดร.เจน กูดดอลล์เริ่มต้นการทำงานของเธอที่นี่ และได้สร้างตำนานการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ยังคงยืนยงอยู่ตราบจนทุกวันนี้ มาสำรวจดูเรื่องราวนี้ให้ลึกยิ่งขึ้น
ทำความเข้าใจและปกป้องลิงชิมแปนซี
จำนวนปีที่วิจัย
54
จำนวนชั่วโมงของการเฝ้าสังเกต
200,000
จำนวนลิงที่มีการบันทึกประวัติชีวิตโดยสมบูรณ์
40
ขณะเดินลัดเลาะผ่านป่า
เราพบกลิตเตอร์กับลูกสาวที่ชื่อกอสสาเมอร์กำลังเกาะอยู่บนหลังของมัน
แม่ชิมแปนซีส่วนใหญ่จะมีลูก 4-6 ตัว โดยแต่ละตัวมีอายุห่างกันประมาณ 5 ปี
ฝาแฝดเป็นสิ่งที่พบได้ยาก แต่กลิตเตอร์เองก็เป็นฝาแฝด ชิมแปนซีหนุ่มสาวจะใช้เวลา
10 ปีแรกของชีวิตกับแม่ของพวกมัน
และพวกมันจะเล่นสนุกด้วยการขี่หลังกันอย่างนี้ในช่วง 3-4 ปีแรก
สำรวจสถานที่นี้
ชิมแปนซีตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว G และมีชื่อที่น่าจดจำว่ากูเกิ้ล
(Google) ชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ความร่วมมือกันอย่างยาวนานระหว่าง
JGI และ Google ชิมแปนซีตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชิมแปนซีคาซาเคล่า ซึ่งเป็น 1
ใน 3 ฝูง ที่มีอยู่ในกอมเบ แม้ว่าอาจมีชิมแปนซีในฝูงได้มากกว่า 160 ตัว
แต่พวกมันมักใช้เวลาอยู่ตามลำพังหรืออยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ
สำรวจสถานที่นี้
ลิงชิมแปนซีใช้เวลา 7 ชั่วโมงต่อวันไปกับการกินอาหาร
และเมื่อพวกมันไม่ได้กินอาหาร ก็จะพักผ่อน เล่น และแต่งขน
พวกมันเป็นสัตว์สังคมอย่างมากและสื่อสารกันคล้ายคลึงกับวิธีที่มนุษย์ทำ ได้แก่
การจูบ การกอด การจั๊กจี้ และการจับมือ
และยังกรีดร้องและกระทืบเท้าเช่นเดียวกับเราด้วย!
เวลากลางคืนชิมแปนซีจะสร้างรังในต้นไม้เพื่อหลับนอน
สำรวจสถานที่นี้
วันหนึ่งในชีวิตของลิงชิมแปนซี
การอาศัยอยู่ในป่าเป็นอย่างไร ลองมาใช้เวลาอยู่กับลิงชิมแปนซีที่กอมเบ เช่น
กลิตเตอร์และกอสสาเมอร์ และ
เรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์โลกชนิดนี้ซึ่ง
มีดีเอ็นเอเหมือนกับเราถึง 98%
พบกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในกอมเบ
เช่นเดียวกับป่าทุกแห่ง อุทยานแห่งชาติกอมเบคือ
ระบบนิเวศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิต
รูปร่างและขนาดต่างๆ กันมากมาย มาทำความรู้จักกับบรรดาสัตว์ต่างๆ กัน
ลิงชิมแปนซี
สกุล Pan troglodytesลิงชิมแปนซี
สกุล Pan troglodytes
ยืนตรง! แม้ว่าชิมแปนซีจะยืนสองขาได้ แต่จริงๆ แล้วพวกมันเป็นสัตว์สี่เท้าที่เดินด้วยสนับมือ สัตว์ชนิดนี้มีมือที่คล่องแคล่วและนิ้วหัวแม่มือที่พับงอได้เหมือนมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันก็มีนิ้วที่ยาวและหัวแม่เท้าพับงอได้ขนาดใหญ่ที่ทำให้พวกมันสามารถห้อยโหนไปตามกิ่งไม้ขณะหาอาหารได้
โอลีฟบาบูน
Papio anubisโอลีฟบาบูน
Papio anubis
เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ แม้ว่าลูกลิงบาบูนและชิมแปนซีจะเล่นด้วยกันในวัยเด็ก แต่ความเป็นมิตรจะค่อยๆ น้อยลงเมื่อพวกมันโตขึ้น บาบูนมักจะไปหาอาหารในแหล่งเดียวกันกับชิมแปนซี และชิมแปนซีก็กินลูกลิงบาบูนขณะยังเล็กๆ อีกด้วย บาบูนไม่เหมือนกับชิมแปนซีตรงที่ชอบว่ายน้ำ ตีน้ำ และเล่นกันในน้ำ
งูบุชไวเปอร์
สกุล Atherisงูบุชไวเปอร์
สกุล Atheris
โปรดระวังย่างก้าวของคุณ! ตามพุ่มไม้ คุณอาจจะเจอกับงูพิษที่มีลำตัวเป็นเกล็ดซึ่งพบบ่อยในป่าของกอมเบ ชิมแปนซีเองก็สนใจและกลัวงูตามสัญชาตญาณเช่นเดียวกันกับมนุษย์ พวกมันถึงกับมีเสียงเรียกโดยเฉพาะ ("งูมาแล้ววว กรร") ซึ่งเตือนให้ชิมแปนซีตัวอื่นรู้ว่ามีงูอยู่ในป่า
แมงกุดจี่
Scarabaeoideaแมงกุดจี่
Scarabaeoidea
พบกับนักรีไซเคิลอันดับหนึ่ง แมงกุดจี่จะกลิ้งมูลเป็นลูกกลมเล็กๆ ซึ่งใช้สำหรับซ่อนตัว วางไข่ และสร้างบ้าน แมลงชนิดนี้มีบทบาทสำคัญมากต่อระบบนิเวศ ซึ่งรวมถึงการกระจายเมล็ดพันธุ์พืชและการผสมแร่ธาตุในดิน
กิ้งกือ
Spirostreptidaกิ้งกือ
Spirostreptida
มีดีที่ขา! กิ้งกือขึ้นชื่อเรื่องการมีขาจำนวนมากซึ่งจะพาพวกมันเดินไปบนผืนป่า ช่วยต่อการย่อยสลายซากพืช รา สัตว์ และแมลงที่ตายแล้ว และเจ้าสัตว์ขาปล้องชนิดนี้ยังใช้ขาในการหาคู่อันน่าทึ่งอีกด้วย
อุทยานแห่งชาติกอมเบเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ซุกตัวอยู่บริเวณริมฝั่งตะวันตกของประเทศแทนซาเนีย
อุทยานทอดยาวไปตามชายฝั่งทะเลสาบแทนแกนยิกา
เป็นพื้นที่ผสมผสานระหว่างทุ่งหญ้าเปิดโล่ง ป่าผลัดใบ และป่าดิบชื้น
ในป่าของกอมเบแห่งนี้เป็นที่อาศัยของฝูงลิงชิมแปนซีซึ่งถูกศึกษาวิจัยมาเป็นระยะเวลานานที่สุดในโลก
สำรวจสถานที่นี้
ลิงชิมแปนซีเป็นสัตว์ท้องถิ่นในป่าของแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก
รวมถึงประเทศแทนซาเนีย
พวกมันอาศัยอยู่ใกล้ต้นไม้เพราะอาหารหลักของพวกมันคือผลไม้ แต่พวกมันก็กินใบไม้
แมลง และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กด้วย (รวมถึงลิง)
ขณะเดินท่องไปในป่าของลิงชิมแปนซี คุณจะได้ยินเสียงคำรามและเสียงร้องรับกันไปมา
เสียงร้องเฉพาะของชิมแปนซีเป็นเสียงร้องอันดังที่ชิมแปนซีใช้เพื่อแสดงตนและสื่อสารกับตัวอื่น
สำรวจสถานที่นี้
ในปี 1957 เจน กูดดอลล์อายุ 23 ปี
ย้ายจากบ้านเกิดในอังกฤษไปอยู่ที่แอฟริกาตะวันออกเพื่อไล่ตามความหลงใหลในวัยเด็กของเธอที่มีต่อสัตว์ในแอฟริกา
เธอทำงานร่วมกับลุยส์ ลีกกี
นักศึกษาซากดึกดำบรรพ์ชื่อดังซึ่งเชื่อว่าการศึกษาเกี่ยวกับวานรหรือไพรเมตจะไขความลับเรื่องบรรพบุรุษของมนุษย์ได้
จิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของเจนนำเธอไปยังป่ากอมเบในเดือนกรกฎาคมปี 1960
และการวิจัยที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนของเธอที่นี่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการศึกษาไพรเมตวิทยายุคใหม่ไปตลอดกาล
สำรวจสถานที่นี้
เมื่อเจนย้ายไปอยู่ที่กอมเบเป็นครั้งแรก เธออาศัยอยู่ในเต็นท์กับแม่ของเธอ เฝ้าสังเกตโดยใช้กล้องส่องทางไกลมือสอง และจดบันทึกด้วยดินสอและกระดาษ เธอเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของชิมแปนซีตลอดทั้งวัน จดบันทึกเกี่ยวกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและโครงสร้างทางสังคมของพวกมัน ไม่ช้าเธอก็ตระหนักว่าข้อมูลจากการเฝ้าสังเกตของเธอท้าทายความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับลิงชิมแปนซี
ในตอนแรกชิมแปนซีกลัวเจน จึงทำให้การวิจัยเป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันรู้สึกคุ้นเคยกับเธอ ทำให้เธอสามารถเข้าไปดูอย่างใกล้ชิดหรือแม้แต่มีปฏิสัมพันธ์กันได้ เธอได้เห็นชิมแปนซีหัวเราะ เล่น แต่งตัว หาอาหาร และล่าเหยื่อ นอกจากนี้เจนยังได้เห็นถึงความรุนแรงและสงครามชิมแปนซีอีกด้วย การได้อาศัยอยู่กับพวกมันในป่า ทำให้เจนสามารถค้นพบความลับในโลกของลิงชิมแปนซี
ในปีแรก เจนทำการสังเกตชิมแปนซีที่ชื่อเดวิด เกรย์เบียร์ดขณะมันกำลังใช้ปลายหญ้าดึงปลวกออกมาจากรู มันกำลังใช้หญ้าเป็นเครื่องมือ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เคยเชื่อกันว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ การสังเกตของเจนได้ปฏิวัติความคิดของเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ตอนนี้เรารู้แล้วว่าชิมแปนซีเป็นญาติที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยมีดีเอ็นเอเหมือนเราถึง 98%
เจนเป็นนักวิจัยสัตว์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเธอตั้งชื่อให้สัตว์ที่เธอศึกษา แทนที่จะกำหนดหมายเลขให้พวกมัน เธอสร้างระบบการตั้งชื่อ โดยลูกๆ จะมีชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกันกับชื่อของแม่ แผนผังลำดับญาตินี้แสดงสมาชิกของครอบครัว G ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฝูงลิงชิมแปนซีขนาดใหญ่ที่ชื่อคาซาเคล่า ตอนนี้คุณสามารถชมภาพของกูเกิ้ล (Google), กลิตเตอร์ (Glitter) และกอสสาเมอร์ (Gossamer) ได้ใน Street View
ในปี 1977 สถาบันเจน กูดดอลล์ (Jane Goodall Institute) ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อยอดงานวิจัยที่มีอยู่ในกอมเบ และเผยแพร่ผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิสัยทัศน์ด้านมนุษยธรรมของเจนให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ ภารกิจของ JGI ไปไกลเกินกว่างานที่กอมเบ องค์กรแห่งนี้มุ่งมั่นที่จะปกป้อง 85% ของลิงชิมแปนซีและที่อยู่อาศัยของพวกมันทั่วทั้งทวีปแอฟริกา พวกเขายังชักชวนคนหนุ่มสาวทั่วโลกให้เข้าร่วมในโครงการอนุรักษ์ของชุมชนผ่านโปรแกรม Roots & Shoots
นักวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์วิจัยกอมเบสตรีมกำลังทำงานร่วมกับห้องทดลองทั่วโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยดยุคเพื่อการศึกษาเชิงวิชาการ เมื่อใช้ผลงานวิจัยที่กอมเบเป็นข้อมูลพื้นฐาน นักวิทยาศาสตร์จึงสามารถคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ โครงสร้างทางสังคม และโรคซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนประชากรชิมแปนซีได้ การศึกษาลิงชิมแปนซียังให้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์ (เช่น การวิจัยไวรัส SIV ในชิมแปนซีที่กอมเบให้ประโยชน์ต่อการวิจัยเกี่ยวกับไวรัส HIV)
JGI ยังได้ลงทุนในโครงการอนุรักษ์ของชุมชนที่ช่วยให้ชาวบ้านในท้องถิ่นสามารถสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ขณะเดียวกันยังส่งเสริมเป้าหมายการอนุรักษ์ในระดับภูมิภาค เช่น การปลูกป่าและยุติการค้าเนื้อสัตว์ป่า โครงการ CCC ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ในขณะที่ยังปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ โดยลงทุนในด้านสุขภาพและการศึกษา และให้การฝึกอบรมเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากร การเกษตร และการป่าไม้
การปกป้องชิมแปนซีหมายถึงการปกป้องถิ่นอาศัยของพวกมัน และที่อยู่อาศัยซึ่งอยู่นอกบริเวณเขตอุทยาน JGI มอบสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android ที่เปิดใช้งาน GPS ให้กับชาวบ้านในท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อุทยานทั่วทั้งทวีปแอฟริกา อุปกรณ์ต่างๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังป่าเหล่านี้ โดยจะบันทึกและรายงานการปรากฏตัวของสัตว์ป่าและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของมนุษย์ จากนั้นข้อมูลจะถูกอัปโหลดขึ้นไปบนระบบคลาวด์โดยใช้ Google Earth Engine และแชร์กับผู้มีอำนาจตัดสินใจ
เมื่อรวมข้อมูลที่รายงานจากการเฝ้าระวังป่าในภาคสนามเข้ากับภาพถ่ายดาวเทียม นักวิทยาศาสตร์การอนุรักษ์จะสามารถตรวจสอบความสมบูรณ์ของที่อยู่อาศัยของลิงชิมแปนซีในขอบเขตที่กว้างขวางได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้สามารถวางแผน ดำเนินการ และวัดผลความสำเร็จในการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยของลิงได้ JGI กำลังทำงานเพื่อยกระดับความพยายามในการเฝ้าระวังป่าให้ครอบคลุมถิ่นอาศัยต่างๆ ของชิมแปนซี เพื่อนำความรู้ในท้องถิ่นไปประยุกต์ใช้ทั่วโลก
จากระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ ประชากรลิงชิมแปนซีที่ได้รับการศึกษาวิจัยอย่างละเอียด และการวิจัยที่บุกเบิกแนวทางใหม่เป็นเวลานานกว่า 50 ปี ทำให้กอมเบเป็นเหมือนห้องทดลองที่มีชีวิต สิ่งที่ค้นพบในป่ากอมเบสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบนิเวศทั่วโลก ความงามตามธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้ ตลอดจนการเป็นถิ่นอาศัยที่สำคัญของสัตว์ป่าและการเป็นศูนย์กลางของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทำให้กอมเบเป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
ผลจากการวิจัย
ที่กอมเบ
ก่อนการเฝ้าสังเกตของเจนในกอมเบ เชื่อกันว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวบนโลกที่ใช้เครื่องมือ กอมเบได้กลายเป็นศูนย์กลางของการวิจัยที่ปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ นับตั้งแต่นั้นมา โดยมีสถาบันเจน กูดดอลล์เป็นผู้นำที่มุ่งเน้นเรื่องลิงชิมแปนซี การอนุรักษ์ และชุมชน
ข้อความจากเจน กูดดอลล์
เมื่อฉันเดินทางไปกอมเบ ฉันได้สังเกตและเรียนรู้เกี่ยวกับชิมแปนซีที่น่าทึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ตลอดการวิจัยหลายปีที่กอมเบทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจและมีความเข้าใจที่มากขึ้น ฉันหวังว่าการเดินทางของคุณผ่านเว็บไซต์นี้และรูปภาพจาก Street View จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางเพื่อการเรียนรู้และสำรวจได้เช่นเดียวกัน
ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่กอมเบและหลายปีหลังจากนั้น ทำให้ฉันได้รู้จริงถึงความสำคัญที่เราทุกคนต้องเข้าใจโลกที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน เพราะเมื่อเราเข้าใจจริงๆ เราจึงจะเริ่มใส่ใจและลงมือทำอะไรสักอย่าง สิ่งนี้ล่ะที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างสมดุลและเป็นหนึ่งเดียวกับโลกที่เป็นบ้านของเรา
—ดร. เจน กูดดอลล์, PhD, DBE และทูตสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ
ผู้ก่อตั้งสถาบันเจน กูดดอลล์
21 ตุลาคม 2014
สำรวจอุทยานแห่งชาติ
กอมเบ
สำรวจดูสัตว์บางชนิดจากทั้งหมดหลายร้อยสายพันธุ์ที่
อาศัยอยู่ในกอมเบ เมื่อคุณท่องไปตามเส้นทางเรียบชายหาด
และเส้นทางเดินป่าใน Street View